You are currently viewing เบลลิงแฮม ขึ้นแท่นเป็นขวัญใจแฟน “ราชันชุดขาว” คนใหม่

เบลลิงแฮม ขึ้นแท่นเป็นขวัญใจแฟน “ราชันชุดขาว” คนใหม่

จู๊ด เบลลิงแฮม ตัดสินใจเลือกอนาคตของเส้นทางการค้าแข้งของตนเอง ด้วยการย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาอยู่กับ เรอัล มาดริด เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2023 และดูเหมือนว่า การตัดสินใจของเขาในครั้งนั้น ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว

เรอัล มาดริด เป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ของสเปน มีนักเตะระดับเวิลด์คลาสหลายรายที่มาแจ้งเกิดกับสโมสรแห่งนี้ บ้างก็กลายเป็นนักเตะระดับตำนาน บ้างก็ขยับขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีม และมีอีกจำนวนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จทั้งในฐานะการเป็นนักเตะ และการเป็นผู้จัดการทีม

ก่อนจะถึงยุคของดาวจรัสแสงคนปัจจุบันอย่าง จู๊ด เบลลิงแฮม ก็เคยมีนักเตะอังกฤษที่ไปสร้างสีสันและผลงานให้กับ “ราชันชุดขาว” หลายคนเช่นกัน

คนแรกที่ขอกล่าวถึงคือ ลอรี่ คันนิ่งแฮม ปีกซ้ายชาวอังกฤษเชื้อสายจาเมกาผู้ล่วงลับ เขาย้ายมาจาก เวสต์บรอมบิช อัลเบี้ยน มาอยู่กับ เรอัล มาดริด ตั้งแต่กลางปี 1979 และช่วยให้ทีมได้แชมป์ ลา ลีกา มา 1 สมัย กับแชมป์สแปนิช คัพ อีก 2 สมัย

นักเตะสหราชอาณาจักร

จากนั้น ก็มีนักเตะอังกฤษเดินรอยตามมาอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็น สตีฟ แม็คมานามานน์ (1999-2003), เดวิด เบ็คแฮม (2003-2007), ไมเคิล โอเว่น (2004-2005), โจนาธาน วู๊ดเกต (2004-2007) และล่าสุดก็คือ จู๊ด ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมเมื่อช่วงต้นฤดูกาลที่ผ่านมา

และถ้าหากนับนักเตะที่มาจากสหราชอาณาจักรด้วย ก็ยังมีนักเตะชื่อก้องอีกคน นั่นก็คือ แกเร็ธ เบลล์ ปีกทีมชาติเวลส์ที่น่าจะถือว่าเป็นนักเตะ “Made In England” ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดกับ “ราชันชุดขาว” ด้วย

ก่อนถึงยุคของ จู๊ด เบลลิงแฮม

การเซ็นสัญญาคว้าตัว เดวิด เบ็คแฮม และ แกเร็ธ เบลล์ มาสวมเครื่องแบบของ “ราชันชุดขาว” ถือเป็นการลงทุนครั้งยิ่งใหญ่ของทีม เรอัล มาดริด ในช่วงเวลานั้น

เดวิด เบ็คแฮม ย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาอยู่กับ เรอัล มาดริด เมื่อกลางปี 2003 ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ โดยได้ค่าเหนื่อยถึงปีละ 17 ล้านปอนด์ เขาลงเล่นไปทั้งหมด 159 นัด ทำได้ 20 ประตูกับอีก 52 แอสซิสต์ และช่วยให้ “ราชันชุดขาว” คว้าแชมป์ ลา ลีกา  1 สมัย และแชมป์ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย แม้จะไม่ได้อยู่ในช่วงท็อปฟอร์ม แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่สอบผ่าน

แต่ แกเร็ธ เบลล์ คือนักเตะจากสหราชอาณาจักร กลับสร้างผลงานกับทีม ‘ราชันชุดขาว’ ได้ระเบิดระเบ้อยิ่งกว่า เบ็คแฮม เสียอีก, ปีกชาวเวลส์ย้ายจาก ท็อทแน่ม ฮ็อตสเปอร์ มาอยู่กับ เรอัล มาดริด เมื่อวันที่ 1 กันยายน ปี 2013 ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 85 ล้านปอนด์

เบลล์ กลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก ณ ขณะนั้น ทำลายสถิติเดิมที่ เรอัล มาดริด ยอมควักกระเป๋า 80 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และยังรับค่าเหนื่อยถึงสัปดาห์ละ 300,000 ปอนด์อีกต่างหาก

เบลล์ & เบ็คแฮม

แม้ว่า แกเร็ธ เบลล์ จะเจ็บบ่อย ฟอร์มการเล่นไม่คงเส้นคงวา แต่เขากลับได้ลงเล่นให้ทีม ราชันชุดขาว ในทุกรายการรวม 258 นัด ทำได้ 106 ประตูกับอีก 67 แอสซิสต์ และที่สำคัญ เขาช่วยให้ทีมยักษ์ใหญ่ทีมนี้คว้าแชมป์ ลา ลีกา มาได้ถึง 3 สมัย และแชมป์ UCL อีก 5 สมัย

โดยเฉพาะในนัดชิงชนะเลิศรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2017-18 ที่แข่งขันกันที่กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน, เบลล์ ทำ 2 ประตูสุดสวยช่วยให้ เรอัล มาดริด เอาชนะ ลิเวอร์พูล ไป 3-1 คว้าแชมป์ไปครอง และได้รับเลือกเป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนั้นด้วย

แม้ว่า แกเร็ธ เบลล์ จะไม่ได้เป็นที่รักของแฟนบอลฝั่งสเปนเท่าไหร่นัก แต่ก็สามารถกล่าวได้ว่า เบลล์ พิสูจน์ให้แฟนบอลชาวสเปนได้เห็นว่า นักเตะจากสหราชอาณาจักร ก็มีฝีเท้าระดับเวิลด์คลาสได้เหมือนกัน

แต่ในยุคสมัยปัจจุบัน ความยิ่งใหญ่ของอดีตกัปตันทีมชาติเวลส์ ที่เคยทำไว้กับทีม เรอัล มาดริด คงจะต้องพบกับความสั่นคลอนแล้ว เพราะการมาถึงของนักเตะที่ชื่อว่า จู๊ด เบลลิงแฮม

จู๊ด เบลลิงแฮม

มิดฟิลด์วัย 20 อำลาชีวิตการเล่นใน บุนเดสลีกา กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์  ด้วยการย้ายไปเล่นในสเปนกับ เรอัล มาดริด โดยมีค่าตัวสูงถึง 103 ล้านยูโร เซ็นสัญญาร่วมทีมระยะยาวถึงปี 2029

ในช่วงแรก แฟนบอลอังกฤษและสเปนต่างก็คาดการณ์กันไว้ว่า Jude Bellingham ยังอายุน้อยเกินไป ที่จะประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็วกับทีม “ราชันชุดขาว” เพราะตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวคุมจังหวะเกม ลีลาแคล่วคล่องในทีม “ราชันชุดขาว” ก็พอจะมีอยู่แล้ว

แต่ภายใต้การปลุกปั้นของ คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือชาวอิตาเลียน ที่สามารถรีดประสิทธิภาพของกองกลางดาวรุ่งรายนี้ออกมาได้อย่างเต็มที่ บทบาทใหม่ของ จู๊ด กับต้นสังกัดใหม่ ก็เหมือนเป็นตัวฟรี เป็นผู้เล่นเพลย์เมคเกอร์ที่ไม่เพียงแต่ทำเกม แต่ยังสามารถสอดขึ้นไปทำประตูได้อย่างเหมาะเหม็ง เข้ากับระบบของทีมได้อย่างกลมกลืน

อยากให้อ่าน : Bellingham ครึ่งศิลปินครึ่งนักรบของ “ราชันชุดขาว”

ผลงานของ จู๊ด กับ เรอัล มาดริด

นับตั้งแต่ออกสตาร์ตฤดูกาลเป็นต้นมา, เจ้าหนู เบลลิงแฮม ลงเล่นในศึก ลา ลีกา ฤดูกาล 2023-24 ทั้งหมดรวม 25 นัด ทำได้ 17 ประตูกับอีก 4 แอสซิสต์ และหากนับผลงานรวมในทุกรายการคือลงเล่น 36 นัด ทำได้ 21 ประตู 10 แอสซิสต์ โดยใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ลงเล่น 8 นัด ทำไป 4 ประตูกับอีก 4 แอสซิสต์

ตอนนี้ “ราชันชุดขาว” ก็ผ่านเข้าถึงรอบตัดเชือกของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แล้ว โดยจะเข้าไปเจอกับ บาเยิร์น มิวนิค ในเกมต่อไป นั่นเท่ากับว่าตอนนี้ มิดฟิลด์วัย 20 ปีผู้นี้กำลังจะพา “ราชันชุดขาว” ลุ้นดับเบิ้ลแชมป์

ที่ยอดเยี่ยมไปกว่านั้น จู๊ด ยังช่วยให้ เรอัล มาดริด เอาชนะคู่อริตลอดกาลอย่าง บาร์เซโลน่า ในศึก เอล กลาซิโก ได้ทั้งเหย้าและเยือน และยังเป็นคนทำประตูชัยในช่วงท้ายเกมได้อีกต่างหาก

เอล กลาซิโก

ตอนนี้ คงมีเพียง อาร์เต็ม โดฟบิค กองหน้าของ คิโรน่า เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่จะหยุดยั้งไม่ให้ Bellingham คว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดใน ลา ลีกา สเปน ฤดูกาลนี้ได้

สิ่งที่ทำให้มิดฟิลด์พลังหนุ่มเหนือกว่า แกเร็ธ เบลล์ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งย้ายมาเล่นเป็นฤดูกาลแรกก็คือ แฟนบอลของ “ราชันชุดขาว” ที่ชื่นชอบเขามาก ๆ เมื่อเทียบกับฤดูกาลแรกที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ย้ายมาอยู่กับ เรอัล มาดริด ก็ยังไม่สามารถสร้างความประทับใจ ให้กับแฟนบอลได้เท่ากับ จู๊ด เลย

จู๊ด เบลลิงแฮม ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ เขาจะเดินตามรอยนักเตะระดับตำนานของ เรอัล มาดริด ได้หรือไม่?! อีกไม่นาน พวกเราก็คงได้คำตอบแล้ว

อยากให้อ่าน : Jude Bellingham ออกสตาร์ทหรูเทียบชั้น CR7