You are currently viewing ไค ฮาแวร์ตซ์ เข้าโหมด “ร่างทอง” พา อาร์เซนอล ลุ้นแชมป์

ไค ฮาแวร์ตซ์ เข้าโหมด “ร่างทอง” พา อาร์เซนอล ลุ้นแชมป์

ไค ฮาแวร์ตซ์ กับโลกลูกหนัง เยอรมัน

หากจะมองหานักเตะต่างชาติคนหนึ่ง ที่ถูกสงสัยในศักยภาพการเล่นอย่างมากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก คนหนึ่งที่ติดอันดับอย่างแน่นอนก็คือ ไค ฮาแวร์ตซ์ ดาวเตะทีมชาติเยอรมัน

ฮาแวร์ตซ์ เกิดเมื่อ 11 มิ.ย.1994 ปัจจุบันมีอายุ 24 ปี เขาเกิดที่เมือง Aachen ในเยอรมนี โดยเริ่มเล่นฟุตบอลของสโมสรในถิ่นเกิดเมื่อปี 2009 พอปี 2010 ก็ย้ายไปอยู่กับทีมเยาวชนของ เลเวอร์คูเซ่น โดยไต่เต้าจากทีม U-17 ของ “ห้างขายยา” จนกระทั่งก้าวขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่เมื่อกลางปี 2016

สำหรับการเล่นในทีมชุดใหญ่นั้น เขาได้ลงเล่นเกมแรกใน บุนเดสลีกา ในฐานะตัวสำรอง ในเกมที่ “ห้างขายยา” แพ้ 1-2 เมื่อ 15 ต.ค. 2016

ประตูแรกที่เขาทำได้คือเกมเสมอกับ โวล์ฟบวร์กส์ 3-3 ประตู เมื่อ 2 เม.ย. 2017 กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้ เลเวอร์คูเซ่น ในขณะมีอายุแค่ 17 ปีเท่านั้น

Havertz Leverkusen

14 เม.ย. 2018, ฮาแวร์ตซ์ กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุด ที่ลงเตะใน บุนเดสลีกา ถึง 50 นัด พอถึงฤดูกาล 2018-19 เขามีผลงานยิงได้ 20 ประตูในทุกรายการ ฤดูกาลต่อมาก็ยิงได้ 18 ประตู

ในช่วงที่ ฮาร์แวร์ตซ์ เล่นให้กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เขาเล่นในตำแหน่ง False 9 ซึ่งเปรียบได้เสมือนกองหน้าตัวหลอก มีบทบาทลงมาล้วงบอลต่ำ ช่วยเกมรับ แล้วก็หาโอกาสแอสซิสต์หรือไม่ก็ยิงประตูเอง และผลงานในการเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ “ห้างขายยา” 150 นัด ทำได้ 46 ประตู 31 แอสซิสต์

และหากนับเฉพาะผลงานใน บุนเดสลีกา 118 นัด ยิงได้ 36 ประตู และทำอีก 25 แอสซิสต์ ถือว่าเป็นนักเตะตัวท็อปของวงการลูกหนังเยอรมันเลยทีเดียว

เส้นทางชีวิตกับ เชลซี

ไค ฮาแวร์ตซ์ ย้ายมาอยู่กับ เชลซี เมื่อต้นเดือน ก.ย. 2020 ด้วยค่าตัว 62 ล้านปอนด์ บวก Add-ons อีก 8 ล้านปอนด์ และเซ็นสัญญาร่วมทีมเป็นเวลา 5 ปี

แต่การย้ายมาเล่นในอังกฤษดูเหมือนว่า ผลงานของเขาดูจะดร็อปจากมาตรฐานของตัวเองไปมาก แฟรงค์ แลมพาร์ด ซึ่งเป็นผู้จัดการทีมคนแรกของ ฮาแวร์ตซ์ ในอังกฤษ ก็ยอมรับจากปากเขาเองว่า เขาไม่รู้ว่าจะวาง ฮาแวร์ตซ์ เอาไว้ในตำแหน่งไหนดี ผลก็คือ ดาวเตะชาวเยอรมันมักจะถูกจับไปเป็นเล่นปีกซ้ายบ้าง ปีกขวาบ้าง หรือไม่ก็เป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง

กระทั่งเมื่อ แลมพาร์ด จากไปแล้ว ก็ถูกแทนที่โดย โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือชาวเยอรมัน ทำให้ ฮาแวร์ตซ์ ได้ลงเล่นในตำแหน่งถนัดคือ False 9 และผลตอบแทนก็คือ กองหน้าชาวเยอรมันทำประตูชัยให้ “สิงโตน้ำเงินคราม” คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

Havertz Chelsea

แต่การมาถึงของ ท็อดด์ โบห์ลี ก็เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ด้วยการดึงตัว แกรห์ม พอตเตอร์ เข้ามาแทนที่ ทูเคิ่ล และผลงานของทีมก็ย่ำแย่ลง นักเตะใหม่ถูกซื้อเข้ามามากมาย และนักเตะเก่าหลายคนเริ่มไม่มีความสุข, แม้กระทั่งนักเตะลูกหม้ออย่าง เมสัน เมาท์ ก็ไม่ได้สัญญาใหม่ ทำให้เขาตัดสินใจย้ายทีม

ส่วน Kai Havertz ก็ย้ายมาอยู่กับ อาร์เซนอล เมื่อต้นฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยค่าตัว 65 ล้านปอนด์ และมี Add-ons 5 ล้านปอนด์ ส่วนค่าเหนื่อยได้รับถึงสัปดาห์ละ 331,000 ปอนด์ เป็นนักเตะที่ได้รับค่าเหนื่อยสูงสุดเป็นอันดับ 7 ใน พรีเมียร์ลีก

ไค ฮาแวร์ตซ์ กับ อาร์เซนอล

ทั้งอดีตนักฟุตบอล คอมเมนเตเตอร์ รวมไปถึงแฟนบอล ต่างก็พากันวิจารณ์กันอย่างนักหน่างว่า การซื้อ ไค ฮาแวร์ตซ์ มาร่วมทีม คือความล้มเหลวในการซื้อตัวของ อาร์เซนอล

ด้วยค่าตัวและค่าเหนื่อยที่ไม่ใช่น้อย ๆ ทำให้ดาวเตะชาวเยอรมันแบกรับความกดดันมหาศาล เขาได้ลงเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผลงานก็ไม่โดดเด่นนัก เพราะเล่นเพราะขาดความมั่นใจ บางเกมเสียบอลง่ายๆ จนทำให้ทีมเสียประตู

หากแต่คนเดียวที่ยังเชื่อมั่นในความสามารถของเขาก็คือ มิเกล อาร์เตต้า ดูเหมือนว่ากุนซือชาวสเปนจะโปรดปรานฝีเท้าเขามานานแล้ว น่าจะตั้งแต่สมัยยังเล่นอยู่ในเยอรมัน ทำให้ได้รับโอกาสลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ โดยตำแหน่งที่เล่นสลับระหว่างมิดฟิลด์ตัวกลางกับกองหน้า

กระทั่งขึ้นปี 2024 ผลงานของ ฮาแวร์ตซ์ โดดเด่นมากในการเล่นในตำแหน่ง False 9 และสามารถประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างลงตัว กลมกลืนมากยิ่งขึ้น มีทั้งผลงานการยิงประตูและทำแอสซิสต์ ได้รับเลือกเป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ หลายเกม

Havertz Arsenal

และที่โดดเด่นที่สุดก็คือ ผลงานที่เขายิงและจ่ายช่วยให้ “ปืนโต” บุกชนะ ไบรท์ตัน 3-0 ประตู และกลายเป็นเกมที่ทำให้ อาร์เซนอล นำเป็นจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีกอยู่ในขณะนี้

ผลงานของกองหน้าชาวเยอรมันในฤดูกาลนี้ ลงเล่นในลีกไปแล้ว 30 นัด ทำ 9 ประตู 5 แอสซิสต์ ถือว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ย้ายมาเล่นในอังกฤษ และฟอร์มเริ่ดหรูทำให้สามารถสยบเสียงวิจารณ์ลงได้อย่างชะงัด

และดาวเตะชาวเยอรมันยกเครดิตให้กับ อาร์เตต้า ที่สามารถดึงศักยภาพของเขาออกมาได้เต็มที่อีกครั้ง

เขาช่วยเหลือผมตั้งแต่วันแรกที่ย้ายมา สอนถึงวิธีการเล่นฟุตบอลที่แตกต่างออกไป ซึ่งผมไม่เคยสัมผัสมาก่อน และทำให้ผมเป็นนักเตะที่ดีขึ้นด้วย บอกตรง ๆ เลยนะ ผมไม่เคยมีผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้มาก่อนเลย คนที่ใส่ใจรายละเอียดแบบนี้ และแสดงให้ผมเห็นถึงสิ่งที่แตกต่างออกไป

ฮาแวร์ตซ์ กล่าวถึง มิเกล อาร์เตต้า

อย่างไรก็ตาม, ฮาแวร์ตซ์ มองว่า ถึง อาร์เซนอล จะเป็นจ่าฝูง แต่สถานการณ์ก็ยังคู่คี่ ทั้ง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ยังมีโอกาสไม่น้อยไปกว่า “ปืนโต” เลย

“สิ่งที่เราทำได้ ก็คือพยายามเอาชนะให้ได้ทุกนัดในเกมที่เราลงเตะ แต่ก็นะ บางทีภายใต้ความกดดัน เราอาจจะเล่นได้เต็มศักยภาพของตัวเองก็เป็นได้”

เรียกได้ว่า พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่ 2023-24 ในช่วงโค้งสุดท้ายนี้ เป็นช่วงเวลาที่ อาร์เซนอล, ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องลุ้นกันอย่างดุเดือดจริง ๆ


ติดตามอ่านข่าวสารอื่น ๆ จาก โคตรบ้าบอล ได้ที่ : Kodbaball