แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับไปรั้งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับสู่เส้นทางลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน หลังเปิดบ้านไล่ถล่ม ลูตั้น ทาวน์ ไป 5-1, โยนความกดดันให้กับ อาร์เซนอล และ ลิเวอร์พูล ที่อยู่ในฐานะของการเป็น “ม้า 3 ตัว” ที่กำลังเบียดแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก 2023/24 ด้วยกัน
และผลการแข่งขันของทั้ง 2 ทีมที่เหลือ ก็ดันเป็นใจกับให้ทีม เรือใบสีฟ้า อีกเสียด้วย, เพราะ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านพ่ายให้กับ คริสตัล พาเลซ ไป 0-1 ในขณะที่ อาร์เซนอล เองก็รับมือกับความกดดันไม่ไหว พ่ายให้กับ แอสตัน วิลล่า ไป 0-2 คาถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม หลังจากเกม ลิเวอร์พูล จบไปไม่นาน

และสำหรับ เป็ป กวาร์ดิโอล่า แล้ว การมองไปถึงโอกาสที่ “เรือใบสีฟ้า” จะกวาด 3 แชมป์ในฤดูกาลเดียวกัน เหมือนที่ทำไว้ในฤดูกาล 2022-23 ก็ยังมีความเป็นไปได้ เพราะคุณสมบัติของทีมนี้ คือความพีกสุดขีดในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลเสียด้วย
หลังจากเกมนี้ แมนฯ ซิตี้ จะเปิดเจอกับ เรอัล มาดริด ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่สอง และในวันเสาร์ถัดไป ก็มีโปรแกรมเจอกับ เชลซี ในศึก เอฟเอ คัพ นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ตื่นเต้นมากที่สุดในฤดูกาลนี้
สถานการณ์ของม้า 3 ตัว ที่กำลังแย่งแชมป์กัน เกมสามารถพลิกไปพลิกมาได้ตลอดเวลา และเป็นอีกครั้งที่แฟนบอล อาจจะต้องลุ้นแชมป์กันจนถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาล
เกมแย่งแชมป์โค้งสุดท้ายสุดคลาสสิก
2013-14 นับจนถึงวันที่ 6 พ.ค. สถานการณ์ลุ้นแชมป์เปิดกว้างสำหรับ แมนฯ ซิตี้, ลิเวอร์พูล และ เชลซี โดยมีแต้มห่างกันแค่ 2 แต้มเท่านั้น แต่ในโค้งสุดท้าย “หงส์แดง” ไปพลาดท่าพ่าย เชลซี 0-2 ประตู พร้อมกับภาพลื่นล้มของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์
แถมในเกมต่อมา ลิเวอร์พูล ก็เหี่ยวปลายทำได้แค่เสมอ คริสตัล พาเลซ 3-3 ประตู ทำให้ แมนฯ ซิตี้ แซงหน้าคว้าแชมป์ด้วยการเก็บได้ 86 แต้ม จากการลงเล่น 38 นัด มากกว่า “หงส์แดง” เพียงแค่ 2 แต้มเท่านั้น
2001-02 สถานการณ์คู่คี่อีกแล้ว, 23 เม.ย. 2002 อาร์เซนอล และ ลิเวอร์พูล มีแต้มนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพียงแค่แต้มเดียว แต่ “ปืนโต” เร่งสปีดในโค้งสุดท้ายของฤดูกาล กวาดชัยชนะ 11 นัดติดต่อกัน รวมถึงเกมที่บุกไปเอาชนะ “ผีแดง” ถึงถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ทำให้คว้าแชมป์ไปครองในที่สุด

อาร์เซนอล ยังคว้าดับเบิลแชมป์ไปครองได้ด้วย หลังจากได้แชมป์ เอฟเอ คัพ ไปครองอีกรายการ เป็นการคว้าดับเบิลแชมป์ไปครองเป็นสมัยที่ 2 ในยุคของ เวนเกอร์ ด้วย และทำให้กุนซือชาวฝรั่งเศสได้ต่อสัญญาใหม่ไปอีก 4 ปี
1995-96 ต้นเดือนมี.ค. สถานการณ์เป็นใจให้ นิวคาสเซิล มีโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองมากที่สุด แต่ในเกมที่ “ผีแดง” บุกไปเล่นที่ เซนต์ เจมส์ ปาร์ค สามารถเอาชนะ 1-0 ประตู โดยได้ประตูชัยจาก อีริค คันโตน่า ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป หลังจากตอนเดือน มี.ค. “สาลิกาดง” นำห่างถึง 12 แต้ม
ท้ายที่สุด กลายเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แซงเข้าป้าย คว้าแชมป์ไปครอง ด้วยการเก็บได้ 82 แต้มจาก 38 นัด โดย นิวคาสเซิล มี 78 ได้แค่รองแชมป์
แมนเชสเตอร์ซิตี้ ลุ้นแชมป์นัดต่อนัด
วันที่ 25 เมษายน 2567 ไบรท์ตัน พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ทั้งสองทีมมีสไตล์การเล่นที่คล้ายคลึงกัน ใช้การเคลื่อนบอลไปทั่วสนาม และมีจังหวะเข้าทำที่หลากหลาย เชื่อว่าเกมที่ เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม น่าจะออกมาสนุกแน่นอน
“เรือใบสีฟ้า” มีสถิติผ่านบอลรวม 618.68 ครั้งใน 90 นาทีโดยเฉลี่ย ส่วน ไบรท์ตัน มีสถิติผ่านบอล 575.42 นาที แม้จะมีสถิติใกล้เคียงกัน แต่ความเด็ดขาดของทั้งสองทีมแตกต่างกันมาก และระยะหลัง เจ้าถิ่นขาดความเฉียบคมในเกมบุกไปอย่างมาก อาจเป็นอีกนัดที่จบลงแบบไม่มีแต้มก็ได้
วันที่ 28 เมษายน 2567 น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ พบ แมนฯ ซิตี้
อย่ามองแค่อันดับในตาราง เพราะ “เจ้าป่า” กำลังดิ้นรนอย่างหนัก และเป็นทีมที่เล่นในบ้านอย่างถวายชีวิตเสียด้วย และกองหน้าร่างยักษ์อย่าง คริส วู๊ด เป็นตัวอันตรายในการเล่นลูกกลางอากาศ รวมทั้งความคล่องแคล่วของ มอร์แกน กิ๊บ ไวท์ ก็ไม่อาจประมาทได้ เกมนี้อาจไม่ง่ายสำหรับทีมเยือน
วันที่ 4 พฤษภาคม 2567 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส
วูล์ฟแฮมป์ตัน เคยสร้างปัญหาให้ แมนฯ ซิตี้ อย่างมากในนัดแรกที่เจอกัน กลับมาเล่นในเอติฮัด สเตเดี้ยม ในสถานการณ์ที่พลาดไม่ได้ เชื่อว่าความมุ่งมั่นและเกมที่หลากหลายกว่า ชัยชนะน่าจะเป็นของเจ้าถิ่นมากกว่า

วันที่ 11 พฤษภาคม 2567 ฟูแล่ม พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
แม้ว่า ฟูแล่ม จะมีฟอร์มไม่คงเส้นคงวานัก แต่ระยะหลังก็ยกระดับการเล่นของตัวเองขึ้นมาอย่างมาก จนอันดับขึ้นมาอยู่ที่ 12 และยังเป็นทีมที่เล่นกับทีมใหญ่ได้ดีเสียด้วย นัดนี้อาจจะเป็นอีกนัดที่ “แชมป์เก่า” หืดขึ้นคอ เพราะเจ้าถิ่นสามารถเก็บได้ถึง 28 แต้มในบ้าน
วันที่ 14 พฤษภาคม 2567 สเปอร์ – แมนเชสเตอร์ ซิตี้
เกมตัดสินแชมป์อีกสมัยของ แมนฯ ซิตี้ อยู่ที่การเจอกับ “ไก่เดือยทอง” แน่นอน เพราะเจอกันใน 10 นัดหลังในทุกรายการ “เรือใบสีฟ้า” พ่ายไปถึง 5 นัด และการเล่นในเอติฮัด สเตเดียม ก็เสมอกันมา 3-3 เกมนี้มีสิทธิ์พลิกออกได้ทุกหน้า

วันที่ 19 พฤษภาคม 2567 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบ เวสต์แฮม
“เรือใบสีฟ้า” หากสามารถสร้างผลการแข่งขันที่ดีในการเล่นกับ “ไก่เดือยทอง” การได้ลงเล่นในนัดสุดท้ายของฤดูกาลในบ้านตัวเองเชื่อว่าจะเล่นได้อย่างเข้าฟอร์มแน่ อาวุธหนักของทีมน่าจะสร้างปัญหาให้แนวรับ “ขุนค้อน” เหี่ยวปลายตายธรรมชาติได้ในที่สุด
ติดตามข่าวสารอื่น ๆ จากเว็บไซต์ โคตรบ้าบอล ได้ที่ : Kodbaball