แชมป์พรีเมียร์ลีก 2023-24 ของ ลิเวอร์พูล, แมนฯ ซิตี้ และ อาร์เซนอล จะเป็นอย่างไรต่อไป ใน 10 นัดสุดท้ายที่เหลืออยู่
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝั่งของ อาร์เซนอล ต้องลุ้นเหนื่อยหน่อย กว่าจะเบียดเอาชนะ เบรนท์ฟอร์ด ไป 2-1 ในขณะที่เกมบิ๊กแมตช์ที่สนามแอนฟิลด์ จบลงโดยที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกไปแบ่งแต้มจาก ลิเวอร์พูล มาได้ ด้วยผลการแข่งขัน 1-1
นั่นทำให้สถานการณ์ของการลุ้น แชมป์พรีเมียร์ลีก ของ ‘ม้า 3 ตัว’ นี้ มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น เพราะหลังจากผ่านการแข่งขันไป 28 นัด กลายเป็นฝั่งของ “ปืนโต” ที่นำเป็นจ่าฝูง ด้วยการเก็บได้ 64 แต้ม เท่ากับ ลิเวอร์พูล แต่มีประตูได้เสียดีกว่า ในขณะที่แชมป์เก่าอย่าง “เรือใบสีฟ้า” มีแต้มตามหลัง เพียงแค่แต้มเดียว
เหลือเกมการแข่งขันอีกเพียง 10 นัด อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับนัดที่เหลือว่า ใครจะเป็นผู้พลิกสถานการณ์ได้ดีกว่า
สถานการณ์การลุ้น แชมป์พรีเมียร์ลีก ของ อาร์เซนอล
อาร์เซนอล แข่ง 28 นัด มี 64 แต้ม ประตูได้เสีย +46 ตำแหน่ง จ่าฝูง

31 มี.ค. พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (เยือน)
3 เม.ย. พบ ลูตัน ทาวน์ (เหย้า)
6 เม.ย. พบ ไบรห์ตัน (เยือน)
13 เม.ย. พบ แอสตัน วิลลา (เหย้า)
20 เม.ย. พบ วูล์ฟแฮมป์ตัน (เยือน)
27 เม.ย. พบ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (เยือน)
4 พ.ค. พบ บอร์นมัธ (เหย้า)
11 พ.ค. พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (เยือน)
19 พ.ค. พบ เอฟเวอร์ตัน (เหย้า)
*เกมตกค้าง พบ เชลซี (เยือน, รอกำหนดวัน)
ฤดูกาลที่แล้ว “ปืนโต” เหี่ยวปลายตายธรรมชาติ ทำให้ไม่ได้ลุ้นแชมป์ แต่ฤดูกาลนี้ นายใหญ่ ‘มิเกล อาร์เตต้า’ ยกระดับการเล่นของทีมขึ้นมาอย่างมาก ลงทุนกว่า 105 ล้านปอนด์เพื่อคว้าตัว ดีแคลน ไรซ์ มาจาก เวสต์ แฮม และจ่ายอีก 60 ล้านปอนด์คว้าตัว ไค ฮาแวตซ์ มาจาก เชลซี, แผงห้องเครื่องและแนวรุกของทีมหวือหวามากขึ้นกว่าเดิม
ดีแคลน ไรซ์ รับบททั้งตัวตัดเกม ตัวคุมจังหวะเกม แถมยังมีทีเด็ดทั้งการยิงประตูจากแถวสอง หรือสอดขึ้นโหม่งทำประตู และทำให้เขามีผลงานในลีกฤดูกาลนี้ ด้วยการทำ 6 ประตู 6 แอสซิสต์ เป็นศูนย์กลางของทีมอย่างแท้จริง
ส่วน ฮาแวตซ์ สามารถสยบเสียงวิจารณ์ที่ว่า เป็นการลงทุนไม่คุ้มค่าตัว ด้วยผลงานลงเล่นในทุกรายการ 38 นัด ทำ 9 ประตู 3 แอสซิสต์ และผลงานในลีก 27 นัด ทำ 8 ประตู 3 แอสซิสต์ และทำประตูใน 4 นัดล่าสุดได้อีกด้วย
เจมี่ คาราเกอร์ อดีตนักเตะสารพัดประโยชน์ของ “หงส์แดง” ที่ผันตัวเองเป็นคอมเมนเตเตอร์ ได้แสดงความเห็นว่าผลเสมอระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ซิตี้ ทำให้การลุ้นแชมป์เปิดกว้าง และอาจจะต้องลุ้นกันไปถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาลก็เป็นได้
“เกมที่แอนฟิลด์น่าประทับใจ ทั้งสองทีมสู้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี แม้ว่าผมอยากให้ ลิเวอร์พูล เป็นผู้ชนะในเกมนี้ แต่ทั้งสองทีมที่มีผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยม ได้มอบสิ่งดี ๆ ให้วงการลูกหนังอย่างมากมายจริง ๆ”
ในขณะที่ รอย คีน อดีตกัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เชื่อว่า “ปืนโต” น่าจะพร้อมแล้ว สำหรับการไล่ล่าแชมป์ในฤดูกาลนี้
สถานการณ์การลุ้น แชมป์พรีเมียร์ลีก ของ ลิเวอร์พูล
แข่ง 28 นัด, มี 64 แต้ม, ประตูได้เสีย +39, ตำแหน่ง รองจ่าฝูง

31 มี.ค. พบ ไบรห์ตัน (เหย้า)
4 เม.ย. พบ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (เหย้า)
7 เม.ย. พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (เยือน)
14 เม.ย. พบ คริสตัล พาเลซ (เหย้า)
20 เม.ย. พบ ฟูแลม (เยือน)
27 เม.ย พบ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (เยือน)
4 พ.ค. พบ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (เหย้า)
11 พ.ค. พบ แอสตัน วิลลา (เยือน)
19 พ.ค. พบ วูล์ฟแฮมป์ตัน (เหย้า)
*เกมตกค้าง พบ เอฟเวอร์ตัน (เยือน, รอกำหนดวัน)
“หงส์แดง” กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งในฤดูกาลนี้ เพราะแนวทางการทำทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่ไม่ยึดติดกับตัวผู้เล่น แม้จะมีการผ่องถ่ายผู้เล่นตัวเก๋าอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, นาบี เกอิต้า, เจมส์ มิลเนอร์ และ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน ออกจากทีมไป แต่ผู้เล่นใหม่อย่าง ทีม โดมินิก โซบอสซ์ไล, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, วาตารุ เอ็นโด และ ไรอัน กราเฟ่นแบร์ก ก็ทดแทนได้เป็นอย่างดี
และที่สำคัญ, เมื่อกุนซือชาวเยอรมัน ประกาศจะอำลาตำแหน่ง หลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้ ไม่ได้มีผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นของทีมเลย แต่ดูเหมือนว่าตัวนักเตะ จะมีแรงกระตุ้นในการเล่นมากขึ้น รวมถึงฤดูกาลนี้ อาจเป็นฤดูกาลสุดท้ายของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ด้วย, ลิเวอร์พูล มีศักยภาพเพียงพอ ที่จะได้ดับเบิ้ลแชมป์แน่นอน หลังจากใช้พลังหนุ่มเป็นทีเด็ด หยิบแชมป์ คาราบาว คัพ มาแล้ว
เมื่อเทียบกับ อาร์เซนอล และ แมนฯ ซิตี้ แล้ว โปรแกรมเตะที่เหลือ ก็นับว่าไม่หนักหนามากนัก จะมีลุ้นก็คือเกม “แดงเดือด” ที่จะพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เท่านั้น
สถานการณ์การของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
แข่ง 28 นัด, มี63 แต้ม, ประตูได้เสีย +35, ตำแหน่ง อันดับ 3 ในตารางพรีเมียร์ลีก

31 มี.ค. พบ อาร์เซนอล (เหย้า)
3 เม.ย. พบ แอสตัน วิลลา (เหย้า)
6 เม.ย. พบ คริสตัล พาเลซ (เยือน)
13 เม.ย. พบ ลูตัน ทาวน์ (เหย้า)
20 เม.ย. พบ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (เยือน)
27 เม.ย. พบ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ (เยือน)
4 พ.ค. พบ วูล์ฟแฮมป์ตัน (เหย้า)
11 พ.ค. พบ ฟูแลม (เยือน)
19 พ.ค. พบ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (เหย้า)
*เกมตกค้าง พบ ไบรห์ตัน (เยือน, รอกำหนดวัน)
“เรือใบสีฟ้า” เป็นแชมป์เก่า แม้จะมีแต้มตามหลังทั้ง อาร์เซนอล และ ลิเวอร์พูล อยู่ก็ตาม แต่ถ้าหากว่าพวกเขาเล่นให้เต็มศักยภาพ ก็สามารถแซงหน้าคว้าแชมป์ไปได้อีกสมัยเหมือนกัน
เกมที่อาจจะเป็นเกมตัดสินแชมป์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็อาจจะเป็นเกมที่เปิดบ้านรับการมาเยือนของ อาร์เซนอล ในวันที่ 31 มีนาคมนี้ และในวันที่ 3 เมษายน ก็ยังจะได้เล่นใน เอติฮัด สเตเดียม ในการเจอกับทีมแกร่งอย่าง แอสตัน วิลล่า อีก หากเก็บ 3 แต้มได้อีก โอกาสลุ้นคว้า แชมป์พรีเมียร์ลีก ก็อาจจะอยู่ไม่ไกลมือพวกเขา
แต่ว่าก็ว่าเถอะ เหล่าแฟนบอลทั้ง 3 ทีม ก็คงอยากให้ไปลุ้นแชมป์กันในนัดสุดท้ายของฤดูกาล มันก็คงจะเป็นอะไรที่สุดยอดมาก ๆ อย่างแน่นอน