You are currently viewing Ruben Amorim กับกระแสการเป็นกุนซือคนใหม่ของ“หงส์แดง”

Ruben Amorim กับกระแสการเป็นกุนซือคนใหม่ของ“หงส์แดง”

Ruben Amorim กุนซือไฟแรง

Ruben Amorim กลายเป็นกุนซือที่โดนแสงสปอร์ตไลท์ฉายใส่ไปในทันที หลังจากที่ Xabi Alonso ออกมาประกาศถึงจุดยืนของตนเองว่า จะไม่ย้ายไปคุมทีมอื่นในฤดูกาลหน้า และจะขออยู่ทำหน้าที่เป็นกุนซือของ “ห้างขายยา” Bayer Leverkusen ต่อไป

สถานการณ์ในตอนนี้, Leverkusen กำลังขยับเข้าใกล้ไปคว้าแชมป์ Bundesliga เข้าไปทุกขณะ หลังจากเปิดบ้านเอาชนะ Hoffenheim ไป 2-1 ประตู โดยมาได้ประตูชัยในช่วงทดเจ็บ และสามารถทำแต้มทิ้งห่างแชมป์เก่าหลายสมัยอย่าง Bayern Munich ไปแล้วถึง 13 แต้ม จากการเล่น 27 นัด

Alonso ยังสร้างสถิติใหม่ให้กับวงการลูกหนังเยอรมัน ด้วยการพาทีม “ห้างขายยา” ไม่แพ้ใครหน้าไหนมาแล้วถึง 39 นัดในฤดูกาลนี้ และยังได้รับการประกันเป็นทีมแรกของสโมสรฝั่งเยอรมัน ที่จะได้ไปเตะในรายการ UEFA Champions League รอบแบ่งกลุ่มในฤดูกาลหน้า เป็นที่แน่นอนแล้ว

และที่ทำให้แฟนบอล “ห้างขายยา” รู้สึกประทับใจมากไปกว่านั้นอีกก็คือ Xabi Alonso กุนซือชาวสเปนที่เป็นที่หมายของทีมยักษ์ใหญ่อย่าง Liverpool, Bayern Munich และ Real Madrid จะยังไม่ย้ายไปไหน แต่จะอยู่คุมทีม Leverkusen ต่อไปในฤดูกาลหน้า

ซึ่งในตอนนี้ ก็มีคำถามกันว่าเมื่อ “หงส์แดง” จะไม่มี Jürgen Klopp คุมทีมในฤดูกาลหน้า ส่วน Xabi Alonso ก็ไม่ยอมจะอำลา “ห้างขายยา” แล้วใครล่ะ? ที่ควรจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ที่จะเข้ามารับงานในถิ่น Anfield ต่อจากกุนซือเฮฟวี่เมทัลชาวเยอรมัน

ไม่แน่ว่าคำตอบนั้น อาจจะอยู่ที่ผู้จัดการทีมที่มีชื่อว่า Ruben Amorim กุนซือหนุ่มยอดฝีมือของ Sporting Lisbon ก็เป็นได้

รูเบน อโมริม

รูเบน อโมริม เคยพา Sporting Lisbon คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของโปรตุเกสได้เมื่อปี 2021, ตอนนั้น เขาเพิ่งมีอายุเพียงแค่ 36 ปีเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันนี้ มาตรฐานการทำงานในบทบาทการเป็นผู้จัดการทีมของเขาก็ยังสูงอยู่เหมือนเดิม

แน่นอนว่า บอร์ดบริหารของ Sporting Lisbon ไม่ต้องการปล่อยตัว Amorim ออกไป อีกทั้งสัญญาการทำงานก็ยังไม่หมดลงเสียด้วย และถ้าหาก “หงส์แดง” อยากได้ตัวเขาไปแทนที่ Jürgen Klopp ก็ต้องยอมจ่ายค่าฉีกสัญญาเป็นจำนวนถึง 13 ล้านปอนด์

ส่วนตัวของกุนซือวัย 39 ปี ก็ดูเหมือนจะมุ่งสมาธิไปกับการพาทีมประสบความสำเร็จในฤดูกาลนี้ให้ได้เสียมากกว่า

ฤดูกาลนี้, ผลงานของ Amorim ในการคุมทีม “สิงโตเขียวขาว” ลงเล่นในทุกรายการ นับว่าน่าประทับใจมาก เขาคุมทีมลงเล่นทั้งหมด 44 นัด พาทีมชนะ 33 นัด เสมอ 6 แพ้ 5  และหากนับเฉพาะผลงานในฟุตบอลลีกโปรตุเกส เขาลงคุมทีม 26 นัด ชนะ 22 เสมอ 2 แพ้ 2

“ผมก็พอได้ยินเรื่องราวของตัวเองกับ Liverpool อยู่บ้าง แต่ตอนนี้ สมาธิของผมพุ่งอยู่ที่การทำงานกับ Sporting เพราะนี่คืองานที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับผมมาก และเป้าหมายของสโมสร ก็คือการคว้าแชมป์มาครองให้ได้ ผมอยากโฟกัสเรื่องนี้ มากกว่าเรื่องสัญญาที่ยังคงมีอยู่กันอีกด้วย ผมขอย้ำว่า ยังมีความสุขกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่”

จากการให้สัมภาณ์ของ Amorim แสดงให้เห็นว่า เขาสามารถรับมือกับสถานการณ์ข่าวลือได้เป็นอย่างดีเสียด้วย และดูเหมือนว่า เขาอยากจะอยู่โปรตุเกสมากกว่าย้ายไปคุมทีมในอังกฤษ

เส้นทางชีวิตของ Amorim

Amorim โด่งดังพอสมควรในสมัยยังค้าแข้งอยู่ เขาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง แต่ก็สามารถขยับไปเล่นเป็นตัวริมเส้นด้านขวาได้ด้วย แม้แต่ตำแหน่งแบ็กขวาก็เล่นได้ดีอีกต่างหาก

เขาสร้างชื่ออย่างมากในช่วงที่เล่นให้กับ Benfica เพราะช่วยให้ “เหยี่ยวลิสบอน” ได้แชมป์ลีกของโปรตุเกสถึง 3 สมัย แชมป์โปรตุกีส คัพ 1 สมัย และแชมป์โปรตุกีส คัพ 5 สมัย และยังเคยได้แชมป์โปรตุกีส คัพ กับ Braga อีก 1 สมัย นอกจากนั้น ยังติดทีมชาติโปรตุเกส 14 นัด โดยเขาแขวนสตั๊ดเมื่อปี 2017

อโมริม เบนฟิก้า

ส่วนเส้นทางการเป็นผู้จัดการทีม ก็เริ่มต้นเมื่อกลางปี 2018 ด้วยการเข้าคุมทีม Casa Pia และในอีกหนึ่งปีต่อมา ก็ย้ายไปคุมทีมชุดบีของ Braga และคุมทีมชุดบีได้ราว 3 เดือนก็ได้รับการผลักดันเป็นกุนซือทีมชุดใหญ่ของ Braga

แต่พอถึง 5 มีนาคม ปี 2020 ก็ได้ย้ายไปเป็นผู้จัดการทีม Sporting Lisbon และผ่านการคุมทีมมามากกว่า 203 นัด โดยมีสัญญาอยู่กับทีมจนถึงปี 2026

Joao Nuno Fonseca ซึ่งปัจจุบันคุมทีมอยู่ในฝรั่งเศส และเคยเป็นผู้ช่วยของ Amorim ในช่วงที่คุมทีมชุดบีของ Braga บอกว่า ประสบการณ์ในช่วงที่เป็นนักเตะทำให้ Amorim กลายเป็นกุนซือที่ความคิดแปลกใหม่ มีแนวทางเป็นของตัวเอง และมีส่วนปลุกปั้นนักเตะดี ๆ ให้กับวงการลูกหนังโปรตุเกสอีกหลายคน

“สิ่งที่เขาฝากไว้ให้กับ Braga ก็คือให้ความสำคัญกับนักเตะเยาวชน เขาผลักดันนักเตะจากอะคาเดมีขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่หลายคน และเขาเป็นช่างเจียระไนเพชร ขัดเกลานักเตะหนุ่ม จนกลายเป็นผู้เล่นชั้นยอดมากมาย”

Ruben Amorim ในสายตาของคู่แข่ง

ในขณะที่ Vitor Campelos ซึ่งปัจจุบันเป็นกุนซือของ Gil Vicente บอกว่า ในฐานะโค้ชของทีมคู่แข่ง เขาปวดหัวกับแผนการเล่นของกุนซือ Sporting อย่างมาก แต่ขณะเดียวกัน ก็นับถือฝีมือและความมุ่งมั่นของ Amorim เป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน

“จุดแข็งของเขาก็คือ การที่เขามองทุกอย่างในแง่บวก มีความหวัง ไม่เคยยอมแพ้ง่าย ๆ และเขามีมนุษย์สัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมมาก ทั้งกับนักเตะและบอร์ดบริหารของสโมสร”

Campelos บอกอีกว่า ตอนที่ Bruno Fernandes ย้ายไปอยู่กับ Manchester United ทุกคนก็คิดว่า Sporting คงแย่แน่ ๆ แต่ปรากฏว่า สถานการณ์กลับเปลี่ยนเป็นตรงข้าม ทีมกลับเล่นได้ยอดเยี่ยมกว่าเดิมเสียอีก เขาสามารถสร้างทีมใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม เป็นทีมพลังหนุ่มที่ห้าวหาญ รวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว

อโมริม คว้าแชมป์

“เขาชอบเดิมพันด้วยการเชื่อใจนักเตะหนุ่มๆ ในทีม และผลที่ออกมาก็เยี่ยมยอดเหนือความคาดหมาย”

แน่นอนว่า สโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปอยากได้ตัวเขาไปร่วมทีม ก็เพราะว่าการสร้างทีมด้วยการคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดจากอะคาเดมีของสโมสร เป็นกุนซือนักปั้นแห่งยุค และแท็คติกที่นำมาใช้ ก็ไม่ได้กำหนดตายตัว พลิกผันเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ได้เสมอ

พอได้ฟังอย่างนี้แล้ว ถ้าจะมีใครมาแทนที่ Jürgen Klopp ได้ ก็คงไม่มีใครเกินหน้า Ruben Amorim


อ่านข่าวอื่น ๆ ของเว็บไซต์ : Kodbaball
หรือติดตามและพูดคุยกันผ่านเพจ : โคตรบ้าบอล