Erik ten Hag ทำผลงานไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นัก กับการคุมทีม Manchester United ในฤดูกาลนี้ อาจเป็นเพราะมีเงื่อนไขหลายเงื่อนไข ที่มีส่วนที่ทำให้ “ผีแดง” ไม่สามารถโชว์ผลงานเปรี้ยงปร้างได้ แต่การเข้ามาของ Sir Jim Ratcliffe มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ ที่เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่คนใหม่ของสโมสร ก็น่าจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้เหมือนกัน
แน่นอนว่าการเข้ามาของ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ จะถูกแฟนบอลทีม “ผีแดง” คาดหวังให้นำการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ เข้ามายังสโมสรที่พวกเขารัก พวกเราลองมาดูกันว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลหน้า จะมีความเปลี่ยนแปลงอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นบ้าง
ปรัชญาของ Sir Jim Ratcliffe
ต้องยอมรับว่าในยุคที่ตระกูล Glazers เข้ามาบริหารสโมสร แนวทางก็เหมือนจะใช้เงินซื้อความสำเร็จเหมือนกัน แต่การลงทุนที่เกิดขึ้นก็ถือว่าได้ไม่คุ้มเสีย และเมื่อมีการเปลี่ยนมือเกิดขึ้น ก็ต้องวัดใจในการบริหารสโมสรของคนใหม่เสียแล้ว
ซึ่ง เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เพิ่งให้สัมภาษณ์ว่า เขามีแนวทางการทำงานของตัวเองอย่างชัดเจน และไม่ใช้เงินซื้อความสำเร็จอย่างแน่นอน นั่นหมายความว่า จะไม่มีการทุ่มเงินก้อนมหาศาลเพื่อคว้านักเตะบิ๊กเนมอย่างที่แฟนบอลคาดหวังไว้แน่นอน
เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ใช้เงินจำนวนกว่า 1.3 พันล้านปอนด์ ทำให้เขาพร้อมด้วย Sir Dave Brailsford จะเข้ามาบริหารงานด้านฟุตบอลที่ Old Trafford และแน่นอนว่า กระบวนการทำงานในขั้นต่อไป ก็น่าจะเป็นการยกเครื่องบุคลากร
“ผีแดง” ในยุคของ Glazers ใช้งบประมาณซื้อนักเตะไปไม่น้อย ยกตัวอย่างที่สโมสรจ่าย 70 ล้านปอนด์เพื่อซื้อตัว Casemiro และจ่ายอีก 86 ล้านปอนด์เพื่อคว้าตัว Antony แต่จะไม่มีการซื้อนักเตะค่าตัวแพงมหาศาลอีกในฤดูกาลหน้า การซื้อนักเตะอย่าง Jude Bellingham จะยังไม่เกิดขึ้นแน่นอน
“เขาเป็นนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่ใช่นักเตะที่เป็นเป้าหมายของเรา วิธีแก้ปัญหาของเราไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วก็ซื้อนักเตะใหม่เข้ามาอีก 2-3 คน เพราะมันเป็นแผนการเดิมๆ ที่ United ทำมาเสมอตลอดสิบปีที่ผ่านมา สิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงก็คือหาคนที่เหมาะสม ในสถานการณ์ที่เหมาะสม”
Sir Jim Ratcliffe ยังกล่าวอีกว่า เขาไม่อยากจะลงทุนซื้ออย่าง Kylian Mbappe แต่มองหาผู้เล่นที่มีคุณสมบัติเทียบเท่ากันมากกว่า
“ผมอยากจะมองหา Mbappe คนใหม่ มากกว่าที่จะพึ่งโชคชะตาเพื่อพยายามซื้อความสำเร็จแบบเร่งด่วน มันดูไม่ฉลาดเลย การซื้อ Mbappe เป็นวิธีที่ใครก็คิดเอาเองได้ง่ายๆ สิ่งที่ท้าทายกว่า คือการหา เอ็มบัปเป้ คนใหม่”
เมื่อ เซอร์ จิม แรคลิฟฟ์ พูดแบบนี้ ก็น่าจะสอดคล้องกับแนวทางการสร้างดาวรุ่ง และในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะเมื่อเดือน ม.ค. “ผีแดง” ไม่ได้ซื้อนักเตะใหม่มาร่วมทีมเลยแม้แต่คนเดียว Omar Berrada ประธานฝ่ายบริหารคนใหม่ คงจะต้องทำงานหนักในช่วงปิดฤดูกาลเพื่อยกเครื่องทีม และพิจารณาดูว่านักเตะคนไหนควรย้ายออกไป และควรหาใครเข้ามาแทนที่
ในเดือน ม.ค. มีการปล่อยนักเตะให้ทีมอื่นยืมตัวหลายคน Donny van de Beek (Eintracht Frankfurt, ยืมตัว), Jadon Sancho (Borussia Dortmund, ยืมตัว), Facundo Pellistri (Granada, ยืมตัว) และ Isak Hansen-Aaroen ถูกขายให้กับ Werder Bremen
อนาคตของ Mason Greenwood
แม้ว่าปัญหาเรื่องคดีคุกคามทางเพศจะจบลงไปแล้ว แต่กระแสที่กดดันอย่างหนัก ทำให้ Mason Greenwood ไม่สามารถเล่นอยู่ในถิ่น Old Trafford ได้ และถูกปล่อยตัวให้ Getafe ทีมใน La Liga ของสเปนยืมตัวไปเล่น ซึ่งอดีตปีกขวาของ “ผีแดง” กลับทำได้ดีเกินคาด เพราะลงเล่นในฤดูกาลนี้ไปแล้ว 24 นัด ทำได้ 6 ประตูกับอีก 5 แอสซิสต์ เป็นผลงานทีโดดเด่นมาก ๆ
และด้วยผลงานโดดเด่นเช่นนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่มีรายงานว่า เพื่อนร่วมทีม “ผีแดง” หลายคนให้การสนับสนุนให้ Greenwood กลับมาร่วมทีมอีกครั้ง แน่นอนว่า ผลงานการทำประตูของเขาเป็นสิ่งที่มองข้ามไปไม่ได้เหมือนกัน
ในขณะที่ Sir Jim Ratcliffe ก็ยอมรับว่าโอกาสที่ Greenwood จะย้ายกลับมา ก็ไม่ได้ปิดลงไปเสียทีเดียวนัก
Garnacho และ Kobbie Mainoo
แนวทางของบอร์ดบริหารชุดใหม่ เน้นไปที่การผลักดันให้ผู้เล่นพลังหนุ่มได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ และที่น่าจับตามองมากที่สุดก็คือ Alejandro Garnacho
ปีกซ้ายชาวอาร์เจนไตน์ พัฒนาฝีเท้าอยู่ตลอดเวลา และฤดูกาล 2023-24 ก็มีผลงานที่เป็นรูปธรรมชัดเจน โดดเด่นกว่ากองหน้ารุ่นพี่หลายต่อหลายคนอีกด้วย โดยมีผลงานทำ 7 ประตู 3 แอสซิสต์ในการลงเล่นในทุกรายการในฤดูกาลนี้
และที่สำคัญลูกยิง Overhead Kick ของเขาในเกมเจอกับ Everton น่าจะเป็นหนึ่งในการยิงประตูที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Premier League และดูเหมือนว่า ดาวเตะอาร์เจนไตน์จะยังไม่ได้ “ปล่อยของ” อย่างเต็มที่ ช่วงฤดูกาลหน้าจึงเป็นช่วงที่น่าจับตามองผลงานของเขาอย่างมาก
อีกคนที่โดดเด่นขึ้นมาได้อย่างน่าทึ่งก็คือ Kobbie Mainoo มิดฟิลด์ชาวอังกฤษวัย 18 ปี ที่ไม่เพียงก้าวกระโดดขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่ของ “ผีแดง” เท่านั้น แต่ยังได้ลงเล่นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ และมีผลทำให้แผงห้องเครื่องแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก โดยเขาลงเล่นใน Premier League ไปแล้ว 14 นัด ทำได้ 1 ประตู
และฟอร์มที่โดดเด้งในขณะนี้ ทำให้ Gareth Southgate เรียกตัวเข้าสู่ทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ ชุดเตรียมอุ่นเครื่องกับ บราซิล วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม และ เบลเยียม วันอังคารที่ 26 มีนาคม ถือเป็นพัฒนาการที่ก้าวกระโดดอย่างมาก และเป็นนักเตะดาวรุ่งพุ่งแรงที่น่าจับตามองอีกคน ในฤดูกาลหน้า
อ่านข่าวอื่น ๆ ของเว็บไซต์ : Kodbaball
หรือติดตามและพูดคุยกันผ่านเพจ : โคตรบ้าบอล